จ่อยิงโหด-ดับคาเก๋ง สาว”อบต.”สยองย่านคลองหลวง ตร.มุ่งปมชู้สาว-ยืมเงิน จ่อเรียกสอบกำนันดัง

ยิงคารถ-น.ส.วีรญาภา งามวิลัย เจ้าหน้าที่อบต.บึงชำอ้อ ถูกยิง 2 นัด เสียชีวิตคาที่นั่งคนขับ ส่วนมือปืนเป็นชายลงจากรถหลบหนีไป ที่ถนนตัดใหม่วังน้อย-ลำลูกกา ต.คลองเจ็ด อ.คลอง หลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 14 มี.ค.

จ่อยิงดับอบต.สาวสวยดับสยองคาเก๋ง ริมถนนย่านคลองหลวง ปทุมธานี เผยผู้ตายเป็นสาวหน้าตาดีมีนักการเมืองท้องถิ่นทั้งในและนอกพื้นที่มาติดพันหลายคน นอกจากนั้นยังทำธุรกิจเต็นท์รถมือสอง และเพิ่งจดทะเบียนสมรสกับนักธุรกิจเจ้าของรีสอร์ตได้แค่วันเดียว ก่อนกลายเป็นศพได้รับโทรศัพท์จากนั้นขับรถออกจากที่ทำงานจนมาถูกยิงเสียชีวิตคารถ ตำรวจคาดคนร้ายเรียกมาตกลงอะไรบางอย่าง แต่ไม่สำเร็จจึงสังหารโหด ตั้ง 2 ปม ชู้สาวและขัดแย้งธุรกิจ

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 14 มี.ค. ร.ต.อ. พงศ์ภรณ์ เลิศรัตน์ รอง สว.สอบสวน สภ.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รับแจ้งเหตุพบศพหญิงสาวถูกยิงเสียชีวิตริมถนนคลองเจ็ด วังน้อย-ธัญบุรี ขามุ่งหน้าไปธัญบุรี ม.1 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อมพ.ต.อ.อำนวยพันธ์ นิลน้อย ผกก. พ.ต.ท.ภูริสิทธิ์ ทิมทอง รอง ผกก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.ท.ศุภฤกษ์ จงรักษ์ สว.สส.สภ.คลองห้า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่พฐ. และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด สีเทา ทะเบียน 4 กอ 8489 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ริมถนนในลักษณะตกไหล่ทาง โดย สตาร์ตเครื่องยนต์ เปิดแอร์ และใส่เกียร์ถอยหลังไว้ ภายในรถบริเวณเบาะที่นั่งคนขับพบศพ น.ส.วีรญาภา หรือเปิ้ล งามวิลัย อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่ตำแหน่งฝ่ายนโยบายและแผน (นักบริหารงานทั่วไป) ของ อบต.บึงชำอ้อ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี สวมเสื้อสีดำ กางเกงขายาวสีน้ำตาล นั่งฟุบไปกับเบาะเอนไปทางเบาะนั่งซ้ายจมกองเลือด พบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดบริเวณโหนกแก้มซ้าย 1 นัด และหน้าอกซ้ายทะลุชายโครงขวาอีก 1 นัด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง

ต่อมาเจ้าหน้าที่สอบปากคำหญิงสาวรายหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงานของผู้ตาย ทราบว่า ผู้ตายเพิ่งมาทำงานที่อบต.บึงชำอ้อได้เพียง 1 ปี ก่อนหน้านี้ทำงานอยู่ที่ อบต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง และเคยย้ายงานมาแล้วหลายอบต. โดยเช่าบ้านพักอยู่กับพ่อห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร ผู้ตายเป็นคนหน้าตาดีและมีฐานะทำให้มีคนมาชอบหลายคน รวมถึงนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ แต่ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่ ส่วนเรื่องที่ทำงานไม่ได้มีปัญหากับใคร

เจ้าหน้าที่ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีผู้เห็นเหตุการณ์แจ้งว่าเห็นรถจอดในลักษณะ ดังกล่าว ตั้งแต่เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ที่ผ่านมา แต่ผู้เห็นเหตุการณ์มาพบในช่วงเย็น อีกทั้งได้สอบสวนเพื่อนร่วมงาน ทราบว่า ผู้เสียชีวิตได้รับโทรศัพท์และเดินออกไปคุยข้างนอกที่ทำงาน จากนั้นไม่นานรีบขับรถออกไป โดยไม่ทราบว่าออกไปไหน กระทั่งมาทราบว่าถูกยิงเสียชีวิตดังกล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ผู้ตายทำงานอยู่ อบต.บึงทองหลาง อ.ลำลูกกา และเป็นแฟนเก่าอดีตนายก อบต.บึงทองหลาง ซึ่งถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อน จากนั้น ผู้ตายย้ายไปทำงานที่ อบต.พานทอง จ.ชลบุรี มีนักการเมืองท้องถิ่นมาติดพัน แต่ผู้ตายทราบว่าอีกฝ่ายมีครอบครัวอยู่แล้วจึงตีตัวออกห่าง ต่อมาลงทุนร่วมกับเพื่อนเปิดเต็นท์จำหน่ายรถมือสองและรับจำนำของมีค่าต่างๆ เมื่อย้ายกลับมาทำงานที่อบต.ในจ.ปทุมธานี ก็มีนักการเมืองท้องถิ่นและกำนันคนดังมาติดพัน โดยก่อนหน้าเสียชีวิตเพียง 1 วัน ผู้ตายเพิ่งจดทะเบียนสมรสกับนักธุรกิจหนุ่มเจ้าของ รีสอร์ตในพื้นที่ จ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า มีผู้นัดพบผู้ตายในบริเวณดังกล่าวเพื่อตกลงเจรจาเรื่องบางอย่าง โดยคนร้ายขับรถมาอีกคัน จากนั้นนั่งคุยกับ ผู้ตายโดยคนร้ายนั่งที่เบาะหลัง เนื่องจากเบาะที่หน้าข้างซ้ายมีกระเป๋าสะพายของผู้ตายวางอยู่ แต่เกิดตกลงกันไม่สำเร็จคนร้ายจึงใช้ อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิตก่อนขับรถหลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานปมสังหารไว้ที่เรื่องชู้สาว และเรื่องขัดแย้งด้านธุรกิจซื้อขายรถ หรือธุรกิจเงินกู้ จะเร่งสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง และตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ น.ส. วีรญาภาเพิ่งโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า อยากไปทำบุญ อยากไปพักผ่อนไกลๆ ที่ไหน สักแห่ง อยากไปที่เงียบๆ ธรรมชาติ อากาศดีๆ อยากไปๆๆๆๆๆ แล้วโพสต์คลิปไปไหว้พระและให้อาหารปลา

นอกจากนี้ยังโพสต์ด้วยว่า “ทวงจนคนทวงรู้สึกอาย #เกลียดมากพวกคนไม่รักษาคำพูด #อยากจะรู้ว่าเงินแค่นี้จะทำให้เมิงเจริญขึ้นมั้ย #คำพูดของคนไม่มีสัจจะก้อเปรียบเหมือนเสียงหมาเห่าที่เห่าไปวันๆ นี่เอง” ซึ่งตำรวจกำลังเร่งสอบสวนว่าเกี่ยวข้องกับการสังหารโหดครั้งนี้หรือไม่ รวมทั้งประเด็นที่สนิทสนมกับกำนันดังคนหนึ่งในพื้นที่ด้วย

https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_254881

loading...

loading...